คดีดิไอคอนกลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้งเมื่อมีการรายงานว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เข้าไปตรวจยึดทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลจากบอสพอล หนึ่งในผู้ต้องสงสัยหลักในคดีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นาฬิกาหรูและทองคำ ที่มีมูลค่ารวมกว่า 40 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สร้างความตกใจให้กับสังคมคือ เมื่อผู้เชี่ยวชาญและนักสะสมชื่อดังในวงการต่างยืนยันว่า สิ่งของที่ถูกยึดมานั้นล้วนเป็นของปลอม ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา หรือแม้กระทั่งกล่องใส่นาฬิกาเองก็ตาม

เหตุการณ์นี้ส่งผลให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์และสื่อสังคม โดยมีการตั้งคำถามถึงกระบวนการตรวจสอบของดีเอสไอว่ามีความรอบคอบเพียงพอหรือไม่ ทั้งนี้ คนในวงการนาฬิกาหรูและทองคำชี้ให้เห็นว่าของปลอมเหล่านี้สามารถตรวจสอบได้ด้วยเทคนิคพื้นฐานที่นักสะสมส่วนใหญ่รู้กันดี การที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถระบุได้ตั้งแต่แรก จึงเป็นที่น่ากังวลถึงมาตรฐานการทำงาน

นอกจากนี้ ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในวงการยังชี้ว่า นาฬิกาที่ถูกยึดนั้นมีลักษณะและรายละเอียดบางประการที่ทำให้สามารถบอกได้ชัดเจนว่าเป็นของปลอม เช่น การใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน การสลักตัวอักษรที่ผิดพลาด และกลไกภายในที่ไม่ตรงกับของแท้ อีกทั้งทองคำที่ยึดมาเองก็มีน้ำหนักและสีที่ไม่ตรงกับทองคำคุณภาพสูงที่ใช้ในวงการนักสะสม

จากการที่ดีเอสไอพบของปลอมในครั้งนี้ ทำให้คดีดิไอคอนยิ่งซับซ้อนขึ้นอีกขั้น ไม่เพียงแต่จะต้องตรวจสอบความถูกต้องของทรัพย์สินที่ยึดมา แต่ยังอาจต้องมีการพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือของการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐในคดีสำคัญเช่นนี้ ซึ่งมีผลกระทบต่อความไว้วางใจของสังคม

ท้ายที่สุด สังคมคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า ดีเอสไอจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และคดีนี้จะคลี่คลายไปในทิศทางใด